แมนโคเซบ (Mancozeb) เป็นสารเคมีกำจัดเชื้อราแบบสัมผัส (Contact Fungicide) ในกลุ่มเอทิลีนบิสไดไทโอคาร์บาเมต (Ethylenebisdithiocarbamate - EBDC) มีฤทธิ์ป้องกันการเกิดโรคได้กว้างขวาง ใช้ได้กับพืชหลายชนิด และเป็นสารกำจัดโรคพืชที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย

สรรพคุณ:
ป้องกันโรคพืชได้หลากหลายชนิด: เช่น โรคใบจุด, โรคราน้ำค้าง, โรคแอนแทรคโนส, โรคสแคป (จุดดำ), โรคสนิม, โรคใบไหม้, โรคเมล็ดด่าง, โรคเน่าคอดิน และโรคอื่นๆ ที่เกิดจากเชื้อรา
ออกฤทธิ์แบบสัมผัส: ป้องกันไม่ให้สปอร์ของเชื้อราเข้าทำลายพืช
มีธาตุอาหารเสริม: แมนโคเซบมีส่วนประกอบของธาตุแมงกานีส (Mn) และสังกะสี (Zn) ซึ่งเป็นธาตุอาหารรองที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช
ใช้ได้กับพืชหลากหลายชนิด: เช่น ข้าว, พืชผัก (มะเขือเทศ, แตงกวา, พริก), ไม้ผล (มะม่วง, ทุเรียน, ส้ม), ไม้ดอกไม้ประดับ และพืชไร่อื่นๆ

ชื่อผลิตภัณฑ์: มักระบุชื่อสามัญ (แมนโคเซบ) ควบคู่กับเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นและรูปแบบ เช่น "แมนโคเซบ 80% WP", "แมนโคเซบ 80% WG" หรือชื่อการค้าต่างๆ เช่น "ไดเทน เอ็ม-45", "แมนแซท", "โพลีแรม ดีเอฟ"
รูปแบบ: ส่วนใหญ่มี 2 รูปแบบหลัก คือ
WP (Wettable Powder): ชนิดผงละเอียด สามารถละลายน้ำได้ดี เมื่อผสมน้ำแล้วจะมีลักษณะขุ่นขาว
WG (Water Dispersible Granule): ชนิดเม็ดเล็ก ละลายน้ำได้ดี ไม่ฟุ้งกระจาย ลดความเสี่ยงในการสูดดม
ขนาดบรรจุ: มีให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ซองเล็ก (เช่น 100 กรัม, 200 กรัม, 500 กรัม) ไปจนถึงถุงใหญ่ (1 กิโลกรัม)
คุณสมบัติ: ระบุคุณสมบัติในการป้องกันโรคชนิดต่างๆ พืชที่แนะนำให้ใช้ และอาจมีข้อดีเพิ่มเติม เช่น มีธาตุอาหารรอง
อัตราการใช้: แจ้งอัตราส่วนผสมต่อน้ำสำหรับพืชแต่ละชนิดและโรคที่ต้องการป้องกัน
แมนโคเซบ 80% WP: เป็นรูปแบบผงที่นิยมใช้กันทั่วไป ราคาค่อนข้างประหยัด
แมนโคเซบ 80% WG: รูปแบบเม็ดที่ใช้งานง่าย ไม่ฟุ้งกระจาย อาจมีราคาสูงกว่าเล็กน้อย
ผลิตภัณฑ์ชื่อการค้าต่างๆ: เช่น "ไดเทน เอ็ม-45" ซึ่งเป็นแมนโคเซบที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก

ข้อควรระวัง:
แมนโคเซบเป็นสารเคมีป้องกันโรคพืช ควรใช้งานด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด
สวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ, หน้ากาก, และแว่นตา ขณะทำการผสมและฉีดพ่น
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีโดยตรงและการสูดดม
ล้างมือให้สะอาดหลังการใช้งาน
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ควรอ่านฉลากและทำความเข้าใจอัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับพืชแต่ละชนิด การใช้ในอัตราที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดความเป็นพิษต่อพืชได้
ควรพ่นเมื่อสภาพอากาศเหมาะสม หลีกเลี่ยงการพ่นในช่วงที่มีลมแรง หรือฝนตกหนักทันทีหลังการพ่น